สลอตสวนเวนเกอร์ หลังถูกวิจารณ์ “เวิร์ตซ์ทำลายแผงกลางลิเวอร์พูล”
อาร์เน่ สลอต ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ออกโรงตอบโต้ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่กล่าวหาว่าการส่ง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ลงเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ทำให้แผงกองกลางของ “หงส์แดง” พังยับ โดยยืนยันว่าสตาร์ทีมชาติเยอรมนีรายนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือแข้งพิเศษไม่ว่าจะถูกใช้งานตรงไหนในสนาม
ก่อนหน้านี้ เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์ทาง beIN Sports ว่า เวิร์ตซ์ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 116 ล้านปอนด์ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้เล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 ไม่ใช่ริมเส้น ซึ่งเวนเกอร์เชื่อว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แผงกลางของลิเวอร์พูล – ไรอัน กราเฟนเบิร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซบอสไล – ขาดสมดุล
อย่างไรก็ตาม สลอตไม่เห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าว โดยระบุว่า “ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่สิ่งสำคัญคือการทำให้ผู้เล่นเข้าใจกันมากขึ้น เวิร์ตซ์ต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีม และเพื่อนร่วมทีมก็ต้องเรียนรู้วิธีเล่นกับเขา ตอนนี้เขาเล่นฝั่งซ้ายและทำได้ดีมาก ผมมั่นใจว่าอีกไม่นานเขาจะทำผลงานยอดเยี่ยมได้ในตำแหน่งกองกลางเช่นกัน”
เวิร์ตซ์เพิ่งโชว์ฟอร์มโดดเด่นในเกมแชมเปียนส์ลีกที่เอาชนะเรอัล มาดริด หลังจากก่อนหน้านี้ยังไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เคยให้ความสนใจดึงตัวเขาในซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่สุดท้ายล้มดีลเพราะค่าตัวสูงเกินไป
สลอตกล่าวเพิ่มเติมว่า “เขามีพรสวรรค์มาก แต่ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องของคนเดียว มันขึ้นอยู่กับระบบและทีมด้วย ที่เลเวอร์คูเซ่นเขาเล่นเป็นปีกขวาที่หุบเข้ากลาง ส่วนในทีมชาติเองก็ใช้ตำแหน่งคล้ายกัน หน้าที่ของผมคือทำให้เขาได้อยู่ในพื้นที่อันตรายหน้าเขตโทษ ซึ่งถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเมื่อไหร่ เขาจะสร้างสิ่งพิเศษให้ทีมได้แน่นอน”
กุนซือลิเวอร์พูลยังพูดถึงปัญหาการปรับทีมบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ว่าเกิดจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายราย เช่น แม็ค อัลลิสเตอร์, คอนเนอร์ แบรดลีย์, เยเรมี่ ฟริมปง และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค “ผมไม่ชอบเปลี่ยนทีมบ่อย แต่สถานการณ์มันบังคับ เช่น แม็ค อัลลิสเตอร์พลาดปรีซีซั่น ถ้าให้เล่นสามเกมในเจ็ดวันก็เสี่ยงเจ็บแน่ มันชัดเจนมาก แต่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ”
สลอตทิ้งท้ายด้วยอารมณ์ขันเล็กน้อยถึงเกมชนะเรอัล มาดริดว่า “ผมอยากพูดถึงจังหวะฟาวล์ของวินิซิอุสด้วย ที่ควรโดนเหลืองที่สอง แต่กลับไม่มีใครพูดถึงเลย ทั้งที่ช่วงหลังเราโดนคำตัดสินเสียเปรียบหลายครั้งมาก”